WINDOW เข้าตลาดวันแรก ปิดติดลบ 40% นักลงทุนเทขายเหลือ 1.27 บาทต่อหุ้น

WINDOW เข้าตลาดวันแรก ปิดติดลบ 40% นักลงทุนเทขายเหลือ 1.27 บาทต่อหุ้น คิดเป็น -55% จากราคาเปิด และ -40% จากราคา IPO

นายธนินทร์ รัตนศิริวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.วินโดว์ เอเชีย หรือ WINDOW เผยว่า ได้เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดวัสดุก่อสร้าง โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “WINDOW” โดยราคาเปิดในวันแรกอยู่ที่ 2.84 บาท เพิ่มขึ้น 0.74 บาท เหนือจอง 35.24% จากราคา IPO ที่ 2.10 บาท  จนช่วงบ่ายที่ผ่านมากลับถูกนักลงทุนเทขายทิ้งเหลือ 1.27 บาทต่อหุ้น คิดเป็น -55% จากราคาเปิด และ -40% จากราคา IPO

สำหรับ WINDOW ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประตูหน้าต่างสำเร็จรูปจากวัสดุอะลูมิเนียมและยูพีวีซี ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท ได้แก่ วินโดว์ เอเชีย (Window Asia) วินด์เฟม (Wind Fame) เฟรมเม็กซ์ (FRAMEX) และเอ็นโซ (Enzo) และรับจ้างผลิตสินค้าภายใต้ตราสินค้าของลูกค้า  โดยจัดจำหน่ายผ่านร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ (Modern Trade) และร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) และร้านค้าวินโดว์ เอเชีย (Window Asia Shop) ครอบคลุมพื้นที่ทุกจังหวัดรวมจำนวน 700 แห่ง และจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์บนแพลตฟอร์มที่หลากหลาย ด้วยตัวเลือกผลิตภัณฑ์คุณภาพที่หลากหลายและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครบถ้วน ประกอบกับจุดเด่นเรื่องการรับประกันผลิตภัณฑ์ตลอดอายุการใช้งานและให้บริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับต้นของประเทศ ตอกย้ำผู้นำด้าน Innovation Window and Door System คาดผลงานปีนี้รายได้ทำจุดสูงสุดใหม่ หรือ New High หลังตัวเลขงบการเงินสดใส พร้อมโชว์สถิติย้อนหลังช่วงปี 2563-2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม 747.50 ล้านบาท 835.51 ล้านบาท และ 913.35 ล้านบาท 

WINDOW มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลังเสนอขายหุ้น 444 ล้านบาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.5 บาท โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไป 224.2 ล้านหุ้น เปิดจองซื้อไปเมื่อระหว่างวันที่ 16-18 ตุลาคม 2566 ในราคาหุ้นละ 2.10 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 512.82 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,864.8 ล้านบาท  การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO พิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E) ที่ 35.84 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทหลังการเสนอขาย 

#WINDOW #IPO #SET #StockReview #BusinessLineandLife #ข่าวหุ้น #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าวประจำวันนี้

.